ปี ค.ศ. 60-61 ก่อเกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ในดินแดนบริเตน เมื่อชนเผ่าอิกาโน่ภายใต้การนำของ बोวดีเซียผู้ยิ่งใหญ่ลุกขึ้นต่อสู้กับกองทัพโรมัน
ก่อนที่จะดำดิ่งไปสู่สงครามและผลกระทบอันรุนแรง เราจำเป็นต้องทำความเข้าใจถึงบริบททางประวัติศาสตร์ที่นำไปสู่เหตุการณ์นี้จักรวรรดิโรมันภายใต้การปกครองของจักรพรรดิเนโรได้ขยายอำนาจไปยังบริเตนในปี ค.ศ. 43 และยึดครองดินแดนส่วนใหญ่ของเกาะ
ความตึงเครียดระหว่างชาวโรมันและชนเผ่าบริเตนเริ่มขึ้นตั้งแต่ต้น สงครามที่ยาวนาน ทำให้ชาวโรมันใช้วิธีการที่รุนแรงและโหดเหียมเพื่อควบคุมประชากรท้องถิ่น รวมถึงการยึดทรัพย์สิน การริบสิทธิ
การเสียชีวิตของสามี बोวดีเซีย Prasutagus หัวหน้าชนเผ่าอิกาโน่ โดยชาวโรมันเป็นเหตุการณ์สำคัญที่จุดชนวนให้เกิดความโกรธแค้นและการก่อกบฏ
จากการยึดครองดินแดนของชาวบริเตน โรมันได้ขยายอำนาจควบคุมไปยังชนเผ่าต่างๆ โดยการริบทรัพย์สิน และการปรับใช้ภาษีที่หนักหน่วง รวมทั้งการทรมานและลงโทษอย่างโหดเหียม
หลังจากการเสียชีวิตของ Prasutagus ชาวโรมันได้ละเมิดสัญญาที่ทำไว้โดยยึดครองที่ดินและทรัพย์สินของ बोวดีเซีย นอกจากนี้ โรมันยังใช้ความรุนแรงทางเพศต่อลูกสาวของเธอ ทำให้เกิดความโกรธแค้นอย่างลึกซึ้งในตัว बोวดีเซีย
ความโกรธแค้น และความเสียใจของ बोวดีเซียได้จุดประกายให้เกิดการก่อกบฏขึ้นทั่วบริเตน การเคลื่อนไหวของเธอนั้นดึงดูดชนเผ่าต่างๆ รวมทั้งชาวบริตัน โรมันและอิกาโน่
ผู้คนจากชนชั้นที่แตกต่างกันได้รวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับจักรวรรดิโรมัน ซึ่งบ่งบอกถึงความต้องการความเป็นอิสระ และการลุกขึ้นมาทัดทานอำนาจของพวกเขา
สงครามครั้งนี้เริ่มต้นด้วยการโจมตีเมืองต่างๆ ที่อยู่นอกเหนือจากการควบคุมของชาวโรมัน โบวดีเซียได้นำกองทัพของเธอไปยัง Camulodunum (ปัจจุบันคือ Colchester) Londinium (ปัจจุบันคือ London) และ Verulamium (ปัจจุบันคือ St Albans)
ในระหว่างการต่อสู้ โบวดีเซียและกองทัพของเธอนั้นได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงแก่เมืองต่างๆ
เมือง | สถานการณ์หลังการโจมตี |
---|---|
Camulodunum (Colchester) | ถูกเผาทำลาย |
Londinium (London) | ถูกทำลายและปล้นสะดม |
Verulamium (St Albans) | ถูกโจมตีอย่างรุนแรง และประชากรจำนวนมากถูกสังหาร |
หลังจากชัยชนะในช่วงแรก โบวดีเซียและกองทัพของเธอได้เผชิญกับกองทัพโรมันที่นำโดยผู้ว่าการ Procurator, Gaius Suetonius Paulinus
ในที่สุด กองทัพโรมันก็สามารถเอาชนะกองทัพของ बोวดีเซียได้ ใน trậnรบที่ déroulement (ปัจจุบันคือ West Midlands) ซึ่งทำให้
โบวดีเซียและกองทัพของเธอถูกโค่นล้ม และความฝันที่จะเป็นอิสระจากจักรวรรดิโรมันก็สิ้นสุดลง
ตามรายงานของ Roman historians, โบวดีเซียเลือกที่จะฆ่าตัวตายเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับเป็นเชลย
ผลที่ตามมาของการก่อกบฏของ बोวดีเซีย:
-
การกดขี่และการปราบปรามของชาวโรมันเพิ่มขึ้นหลังจากการก่อกบฏ
-
ชาวบริเตนได้รับความสูญเสียอย่างมหาศาล ทั้งในแง่ของชีวิต และทรัพย์สิน
-
เหตุการณ์นี้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความกล้าหาญ และความอดทนของชาวบริเตนที่ต่อต้านการยึดครองของจักรวรรดิโรมัน
-
โบวดีเซียถูกระลึกถึงและเคารพนับถือในฐานะวีรสตรีแห่งชนเผ่าบริเตน
การก่อกบฏของ बोวดีเซีย เป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของบริเตน แม้ว่ากบฏครั้งนี้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง และความมุ่งมั่นของชนเผ่าบริเตนในการต่อสู้เพื่ออิสรภาพ
เรื่องราวของ बोวดีเซียยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลัง และยืนยันถึงความกล้าหาญของผู้หญิงและชนกลุ่มน้อยที่ลุกขึ้นมาต่อต้านอำนาจที่ยิ่งใหญ่กว่า